English
ภาษาไทย
อาการปวดหัวเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็เคยเป็น แต่เคยสังเกตไหมว่าลักษณะการปวดหัวของคุณเป็นแบบไหน? บางคนอาจปวดหัวข้างเดียวจนลืมตาไม่ขึ้น บางคนปวดตุบๆ ที่ท้ายทอย หรือบางครั้งก็ปวดกระบอกตาร้าวไปถึงขมับ อาการปวดที่แตกต่างกันเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ไม่เหมือนกัน และการทำความเข้าใจลักษณะอาการของตัวเอง คือก้าวแรกของการรับมือและรักษาได้อย่างตรงจุด
ถอดรหัสอาการปวดหัวแต่ละตำแหน่ง บอกโรคอะไรได้บ้าง?
ปวดหัวข้างเดียว
อาการปวดหัวข้างเดียวจี๊ดๆ หรือปวดตุบๆ เป็นๆ หายๆ มักเป็นสัญญาณของ "ไมเกรน" ซึ่งเป็นโรคปวดหัวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานและผู้หญิง อาการปวดไมเกรนมักมีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
• อาการนำ (Aura) : บางรายอาจเห็นแสงซิกแซก แสงวาบ หรือภาพเบลอก่อนปวดหัว
• คลื่นไส้ อาเจียน
• ไวต่อสิ่งกระตุ้น : ทนแสงจ้า เสียงดัง หรือกลิ่นฉุนไม่ได้
ปัจจัยกระตุ้น ไมเกรนมักถูกกระตุ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, แสงแดด, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือแม้แต่อาหารบางชนิดอย่างช็อกโกแลตหรือชีส
ปวดท้ายทอย
หากคุณรู้สึกปวดตื้อๆ บีบรัดบริเวณท้ายทอย บ่าไหล่ หรือรอบศีรษะเหมือนมีอะไรมารัดไว้ นั่นอาจเป็นลักษณะของ "โรคปวดศีรษะจากความเครียด" ซึ่งเป็นอาการปวดหัวที่พบได้บ่อยที่สุด
อาการปวดประเภทนี้มักไม่รุนแรงเท่าไมเกรน สาเหตุหลักมักเกิดจาก ความเครียด, ความวิตกกังวล, การพักผ่อนไม่เพียงพอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมของชาวออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่เกิดการเกร็งตัวสะสม จนส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะตามมา
ปวดรอบดวงตา
อาการปวดที่รุนแรงบริเวณรอบดวงตา เบ้าตา หรือขมับข้างใดข้างหนึ่ง อาจเป็นสัญญาณของ "โรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์" ซึ่งมีความรุนแรงสูงมาก
ลักษณะเด่น ของอาการปวดหัวชนิดนี้ คือ
• ปวดรุนแรงและฉับพลัน : มักปวดที่เดิมซ้ำๆ ข้างเดียว
• มีอาการร่วม : อาจมีน้ำตาไหล ตาแดง คัดจมูก หรือเหงื่อออกบริเวณใบหน้าซีกที่ปวด
• เกิดเป็นช่วงๆ : มักเกิดในเวลาเดิมของวัน และเป็นต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน แล้วก็หายไป
นอกจากนี้ อาการปวดรอบดวงตายังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่น ความผิดปกติของสายตา, โรคต้อหิน หรือไซนัสอักเสบได้เช่นกัน
อย่าปล่อยให้อาการปวดหัวรบกวนชีวิตคุณ
อาการปวดหัวในแต่ละตำแหน่งเป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม การสังเกตลักษณะอาการของตนเองจะช่วยให้สามารถดูแลและป้องกันในเบื้องต้นได้ เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน แต่หากอาการปวดหัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง, รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการเรื้อรังและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมคือทางออกที่ดีที่สุด ที่ H8 Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลรักษาทุกอาการปวดศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ปวดจากออฟฟิศซินโดรม หรืออาการปวดเรื้อรังอื่นๆ เพื่อคืนความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคุณค่ะ